ReadyPlanet.com


ถามสินค้าค่ะ


เคยซื้อสินค้ามา แต่จำไม่ได้ว่าใช้ทำอะไรค่ะ เขียนที่ขวดว่า Pure Virgin Coconut Oil น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ 100% สกัดเย็น (Cold Pressed) 1000 ml เป็นครีมสีขาว ขอบคุณมากค่ะ



ผู้ตั้งกระทู้ ปิยดา :: วันที่ลงประกาศ 2010-10-17 09:29:11


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3257355)

การใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์

 นำคุณค่าของน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มาใช้ให้เหมาะสมกับตัวคุณ

บำรุงเส้นผม

  • ใช้หมักผมก่อนสระเป็นประจำ ช่วยถนอมเส้นผมเสียจากการดัด โกรก ย้อม ยืด ทำสี บำรุงและปกป้องอันตรายจากรังสี UV ในแสงแดด หรือมลภาวะในอากาศ
  •  ทำให้เส้นผมมีน้ำหนัก สุขภาพดี นุ่มสลวย สปริงตัว ผมดกดำ เป็นเงางาม ดูดี มีชีวิตชีวา สวยงามตามธรรมชาติ
  •  บำรุงเส้นผมหลังสระ ช่วยให้ผมนุ่มมีน้ำหนัก เส้นผมเรียบ ลื่น ไม่พันกัน ลดปัญหาผมแห้ง แตกปลาย พอง ฟุ้งกระจาย
  • ช่วยประหยัดครีมนวดผม
    เหมาะสำหรับ ทุกเพศ ทุกวัย อ่อนโยนต่อผิวหนัง
      

บำรุงผิวพรรณ

  •  ทาบำรุงผิวกายก่อนหรือหลังอาบน้ำ ทามือ และเล็บทุกครั้งหลังล้างมือ หรือซักผ้า ถนอมนิ้วมือ ฝ่ามือให้นิ่มนวล  ถนอมผิวพรรณให้ ชุ่มชื่น ลดความหยาบกร้าน เหมาะกับผิวพรรณทั่วเรือนกาย ใช้ได้ทุกคน ทุกฤดูกาล
  •  นำมาใช้ในการนวดตัวแนวอะโรม่าเธอราปี ผสมกับน้ำมันหอมระเหย 1-3% ในแนวที่ท่านชอบเป็นการช่วยผ่อนคลายและบำรุงผิวพรรณให้อ่อนนุ่ม
  •  ใช้เช็ดเครื่องสำอางค์ได้สะอาดเกลี้ยงเกลาก่อนล้างหน้า
    ช่วยลดริ้วรอย และคงความชุมชื้น โดยเฉพาะสาวผิวแห้ง

 


ทำไมน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์100% (Virgin Coconut Oil, VCO) ถึงสามารถลดความอ้วนได้

VCO เป็นน้ำมันพืช ที่ประกอบด้วยไขมันขนาดกลาง นั่นคือ Medium Chain Fatty Acids หรือ Medium Chain Triglycerides (MCT) ซึ่งเป็นไขมันชนิดเดียวกันกับที่พบในน้ำนมมารดา และมีคุณสมบัติเหมือนกันทุกประการ นอกจาก VCO จะสามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้เช่นเดียวกันกับที่น้ำนมมารดาเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับเด็กแรกเกิดแล้ว มันก็ยังสามารถลดความอ้วนได้ดีด้วยเช่นกัน เนื่องจาก VCO เมื่อกินเข้าไปมันจะไปเพิ่ม Metabolism ของร่างกาย ทำให้การเผาผลานอาหารได้หมด รวมทั้งเผาผลาญไขมันที่ตกค้างในกล้ามเนื้อด้วย จึงทำให้ความอ้วนลดลง นอกจากนี้ยังช่วยดูดซึมธาตุอาหารต่างๆ จากอาหารที่เรากินเข้าไป เช่นวิตามินที่ละลายในน้ำมัน A,D,E,K ธาตุ Ca และ Mg ทำให้ช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุนด้วย

มีบางคนบอกว่าหลังจากกิน VCO แล้วจะมีความหิวมากขึ้น นั่นก็อาจจะเป็นจริง เพราะร่างกายยังคุ้นเคยอยู่กับอาหารประเภทที่ปรุงด้วยน้ำมันไม่อิ่มตัว ดังนั้นหากท่านทำได้ควรลดอาหารดังกล่าว แล้วปรุงด้วย VCO เท่านั้น เมื่อกินไปสักระยะหนึ่ง จะทำให้ความอยากกินลดลง อย่างไรก็ตามหากไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ท่านจะสามารถสังเกตเห็นได้ว่า กล้ามเนื้อจะแน่นขึ้น ไขมันลดลง น้ำหนักก็คงที่ 
ที่มา :มหัศจรรย์น้ำมันมะพร้าว  โดย ดร.ณรงค์ โฉมเฉลา

การทานน้ำมันมะพร้าวเพื่อลดความอ้วน

ควรทานก่อนอาหาร 1 ช้อนโต๊ะ(ตอนท้องว่าง) ประมาณ15-20นาที ก่อนทานอาหารทั้ง3 มื้อ หลังรับประทานควรดื่มน้ำ 1 แก้วค่ะ  

น้ำมันมะพร้าวจะช่วยเพิ่ม อัตราการเผาผลาญอาหารของร่างกาย  

และน้ำมันมะพร้าวจะไปดึงไขมันส่วนเกินที่สะสมในร่างกายออกมาใช้เป็นพลังงาน

ดังนั้น เมื่อทานน้ำมันมะพร้าวเข้าไปจึงรู้สึกว่าอุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นเล็กน้อย

หากทานแล้วรู้สึกว่าหิวเพิ่มมากขึ้น ควรเน้นทานผัก ผลไม้ หรือน้ำเปล่า

เพราะปกติคนส่วนใหญ่มักทานแล้วรู้สึกว่าอิ่มไม่อยากทานอาหารค่ะ

การทานน้ำมันมะพร้าวเพื่อการ Detox

ทานน้ำมันมะพร้าว 1-2 ช้อนโต๊ะ ขณะท้องว่าง ก่อนรับประทานอาหารเช้า ดื่มน้ำตาม1-2 แก้ว

หลังจากนั้นประมาณ 30 นาที จะขับถ่าย 1-2 รอบค่ะ (การขับถ่ายขึ้นอยู่กับลักษณะธาตุเบาหรือธาตุหนักของแต่ละคนค่ะ)

 
วิธีการทำ “Oil Pulling”  โดยใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์

 
   ออยล์พูลลิ่ง เป็นวิธีบำบัดของอินเดียที่มีมาเป็นเวลาช้านานแล้ว โดยการอมน้ำมันไว้และเคลื่อนน้ำมันไปให้ทั่วช่องปาก ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที จากนั้นจึงบ้วนทิ้งไป ออยล์พูลลิ่งเป็นที่ฮือฮาเมื่อ Dr. F. Karach, M.D., ได้เสนอรายงานต่อที่ประชุมสัมนาบัณฑิตย์ทางด้านวิทยาศาสตร์ในประเทศรัสเซียเมื่อปี 2534-2535 การประชุมมีผู้เชี่ยวชาญในเรื่องมะเร็ง และแบคทีเรียซึ่ง Dr.Karach ได้อธิบายถึงการบำบัดรักษาโรคที่ยอดเยี่ยมไม่เหมือนใคร ด้วยวิธีง่ายๆ โดยใช้การอมน้ำมัน
ผลลัพธ์ของการบำบัดด้วยวิธีนี้ ทำให้ผู้คนตะลึง ประหลาดใจ เต็มไปด้วยความสงสัยในรายงานของเขาเป็นอันมาก อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้มีการอธิบาย ซักถามกันถึงการรักษา มีการทดสอบ ทดลองใช้ ทดลองทำ พิสูจน์หาความสมเหตุสมผลที่เกิดขึ้น ต่างก็ยิ่งประหลาดใจถึงผลที่ได้รับจากการรักษาอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังไม่มีอันตรายใดๆด้วย เป็นการรักษาทางด้านชีววิทยาโดยแท้ ด้วยวิธีการง่ายๆ ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยรักษาโรคได้มากมายหลายชนิด
    Dr. Bruce Fife N.D. นักโภชนาการผู้มีชื่อเสียง ซึ่งเขียนหนังสือไว้หลายเล่มรวมทั้ง Coconut Oil Miracle เป็นอีกผู้หนึ่งที่มีความสงสัยในรายงานดังกล่าว จึงได้ทดลองทำออยล์พูลลิ่งด้วยตนเอง ผลลัพธ์ที่ได้ Dr. Fife ถึงกับออกปากว่า ออยล์พูลลิ่งเป็นการรักษาของ แพทย์ทางเลือก ที่มีประสิทธิภาพที่สุด แต่สิ่งที่ Dr. Fife สงสัยคือ เหตุใดการอมน้ำมันจึงช่วยรักษาโรคได้ เขาเริ่มศึกษาการทำออยล์พูลลิ่งของ Dr. Karach อย่างจริงจังรวมทั้งศึกษารายงานอีกเป็นร้อยๆชิ้น ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปที่เป็นคำตอบทางวิทยาศาสตร์ซึ่ง Dr. Fife เขียนไว้ในหนังสือชื่อ Oil Pulling Therapy มีใจความบางตอนดังนี้
 - ออยล์พูลลิ่งทำงานอย่างไร ?
ออยล์พูลลิ่งเป็นการบำบัดที่ทำได้ง่ายที่สุดแต่ก็มีประสิทธิภาพมากที่สุดในบรรดาการรักษาทางธรรมชาติด้วยเช่นกัน สำหรับหลายๆคนมีความรู้สึกว่า แค่การอมและเคลื่อนน้ำมันไปทั่วๆปาก ไม่น่าจะช่วยรักษาโรคได้ อันที่จริงออยล์พูลลิ่งไม่ได้รักษาโรค แต่มันช่วยขจัดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคหรือเป็นตัวการปล่อยสารพิษให้หมดไป เพื่อให้ร่างกายมีโอกาสได้ฟื้นฟู
ออยล์พูลลิ่งเป็นกระบวนการทางชีววิทยาล้วนๆ แบคทีเรียในช่องปากที่ก่อให้เกิดโรคส่วนใหญ่เป็นสัตว์เซลล์เดียว เซลล์เหล่านี้ปกคลุมด้วยน้ำมันหรือเนื้อเยื่อที่เป็นไขมันซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของผิวเซลล์ ( เซลล์ของคนเราก็ล้อมรอบด้วยส่วนผสมของไขมันเช่นเดียวกัน) เมื่อคุณเทน้ำมันลงในน้ำ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ น้ำกับน้ำมันจะแยกกันอยู่ไม่ยอมผสมรวมกัน แต่ถ้าคุณเทน้ำมันสองชนิดเข้าด้วยกัน สิ่งที่เกิดขึ้นคือ น้ำมันทั้งสองจะผสมรวมและดึงดูดซึ่งกันและกัน นี่คือความลับของออยล์พูลลิ่ง
เมื่อคุณใส่น้ำมันลงในปาก เนื้อเยื่อที่เป็นน้ำมันหรือไขมันของแบคทีเรียจะถูกน้ำมันดูดไว้ ขณะคุณเคลื่อนน้ำมันไปทั่วช่องปาก แบคทีเรียที่ซ่อนอยู่ภายใต้รอยแยกของเหงือกและฟันหรือตามซอกของฟัน จะถูกดูดออกจากที่ซ่อนและติดแน่นอยูในส่วนผสมของน้ำมัน ยิ่งนานยิ่งมาก หลังจากผ่านไป 20 นาที ส่วนผสมของน้ำมันจะเต็มไปด้วยแบคทีเรีย ไวรัส ฯลฯ คุณจึงควรบ้วนทิ้งไปมากกว่าที่จะกลืนมัน

เศษอาหารที่ติดอยู่ตามซอกฟันซึ่งเป็นอาหารของแบคทีเรียจะถูกดูดออกด้วยเช่นกัน สิ่งที่ไม่ใช่น้ำมัน ( water based) จะถูกดูดออกด้วยน้ำลาย น้ำลายยังช่วยลดกรดที่เกิดจากแบคทีเรีย

เมื่อแบคทีเรียรวมทั้งพิษร้ายที่เกิดจากแบคทีเรียถูกดูดออกไป จึงเป็นโอกาสดีที่ร่างกายได้ทำการฟื้นฟู การอักเสบทั้งหลายหมดไป กระแสเลือดเป็นปกติ เนื้อเยื่อที่เสียหายได้รับการซ่อมแซม การมีสุขภาพดีจึงกลับมาในที่สุด

- น้ำมันชนิดใดเหมาะจะใช้ทำออยล์พูลลิ่ง ?
ตามตำราโบราณของอินเดียแนะนำให้ใช้น้ำมันดอกทานตะวันหรือน้ำมันงา เนื่องจากเป็นน้ำมันที่หาได้ทั่วไปในอินเดียขณะนั้น Dr. Fife กล่าวว่า น้ำมันชนิดใดก็สามารถใช้ทำออยล์พูลลิ่งได้ แต่โดยส่วนตัวแล้วชอบน้ำมันมะพร้าว เนื่องจากต้องการใช้น้ำมันที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ น้ำมันมะพร้าวเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าน้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันงา หรือน้ำมันพืชชนิดใดๆ กรดลอริคในน้ำมันมะพร้าวเมื่อถูกกับเอนไซม์ในน้ำลายจะแตกตัวเป็นโมโนกลีเซอไรด์ชื่อว่า โมโนลอริน ซึ่งมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรค เหตุผลอีกประการหนึ่ง น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์บีบเย็นที่ได้รับการผลิตอย่างมีคุณภาพจะ มีความสะอาดถูกอนามัย แถมยังมีกลิ่นและรสชาติน่าพอใจอีกด้วย
วิธีการทำ ออยล์พูลลิ่ง
*
ทำขณะที่ท้องว่าง จะดื่มน้ำก่อนหรือไม่ก็ได้
*
ใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์บีบเย็นประมาณ 2-3 ช้อนชา อมไว้ในปาก
*
ค่อยๆ ดูด ดัน และดึง ให้น้ำมันไหลผ่านฟันและเหงือก
*
น้ำมันจะเปลี่ยนเป็นขุ่นหรือมีสีเหลือง
*
เคลื่อนน้ำมันไปทั่วๆปากอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 15-20 นาที
*
จากนั้นให้บ้วนน้ำมันทิ้งไป
*
บ้วนปากด้วยน้ำสะอาด ตามด้วยการดื่มน้ำ
*
ทำอย่างนี้วันละครั้งเป็นอย่างน้อย
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

- โรคที่ได้รับรายงานว่าตอบสนองต่อการทำออยล์พูลลิ่ง
ผลของการทำออยล์พูลลิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ สุขภาพในช่องปากดีขึ้น ฟันขาวขึ้น แน่นขึ้นไม่โยกคลอน เหงือกเป็นสีชมพูแลดูมีสุขภาพ ลมหายใจสดชื่น นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าออยล์พูลลิ่งจะช่วยเยียวยาความเจ็บไข้หรืออาการป่วยเรื้อรังได้อีกหลายชนิด ต่อไปเป็นชื่อของโรคหรืออาการเจ็บป่วยที่มีผู้รายงานเข้ามาว่ามีการตอบสนองที่ดีกับออยล์พูลลิ่ง: สิว ภูมิแพ้ รังแค ไซนัส ปวดหัวไมเกรน น้ำมูกมาก หืด หลอดลมอักเสบ ผิวหนังอักเสบ   เรื้อนกวาง ปวดหลังปวดคอ ข้ออักเสบ กลิ่นปาก ฟันผุ   ฟันเป็นหนอง เลือดออกตามไรฟัน โรคเหงือก ท้องผูก แผลในกระเพาะ ลำไส้ ลำไส้อักเสบ ริดสีดวงทวาร นอนไม่หลับ อ่อนเพลียเรื้อรัง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ปัญหาเกี่ยวกับประจำเดือน
ส่วนอาการหรือโรคที่การศึกษาทางการแพทย์พบว่าเกี่ยวข้องกับสุขภาพในช่องปากโดยตรงและอาจมีผลตอบสนองกับการทำออยล์พูลลิ่งได้แก่ ปัสสาวะเป็นกรด ปอดอักเสบ( ARDS) ถุงลมโป่งพอง การอุดตันของเส้นเลือดและเส้นเลือดในสมอง   ผลเลือดผิดปกติ ฝีในสมอง มะเร็ง เกาท์   ถุงน้ำดี หัวใจ น้ำตาลในเลือดสูง แท้งบุตร ไต ตับ ความผิดปกติของระบบประสาท กระดูกพรุน ปอดบวม ทารกคลอดก่อนกำหนดน้ำหนักตัวน้อย แพ้สารพิษ และโรคติดเชื้ออื่นๆอีกหลายชนิด

ผู้แสดงความคิดเห็น มะพร้าวไทย วันที่ตอบ 2010-10-18 09:01:07


ความคิดเห็นที่ 2 (3258605)

ขอบคุณมากค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ปิยดา วันที่ตอบ 2010-10-22 00:33:29



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.